ความเก่าแก่ของเมืองเก่าเวสาลีที่ปรากฏหลักฐานจากการสำรวจของกรมศิลปากรเมื่อปี พ.ศ. 2511 สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยทวารวดี โดยมีลักษณะเป็นเมืองสี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมมน มีกำแพงดินสองชั้น มีคูเมืองคั่นกลาง ยาวประมาณ 700 เมตร กว้าง 500 เมตร และเป็นเมืองที่มีพัฒนาการผ่านหลายยุคหลายสมัยโดยสามารถอ้างอิงได้จากหลักฐานที่ขุดค้นพบ กล่าวกันว่ากลุ่มเมืองเวสาลีนั้นน่าจะมีชุมชนมาตั้งหลักแหล่ง มานานแล้วตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย และได้พัฒนาสู่การเป็นชุมชนคูน้ำคันดินในสมัยทวารวดี ครั้นในสมัยละโว้ เมืองเวลาสีก็เคยเป็นเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ในสมัยนั้น โดยปรากฏหลักฐานซากวัตถุโบราณต่าง ๆ เช่น พระปรางค์ หอสมุด และพระพุทธรูปขอมโบราณ ราว พ.ศ. 1100-1400 อันเป็นช่วงเวลาที่ขอมเรืองอำนาจ ในแคว้นสุวรรณภูมิ แผ่ขยายอิทธิพลไปในแคว้นโคตรบูร แคว้นโยนก และแคว้นทวารวดี โดยมีกรุงละโว้เป็นราชธานี ซึ่งเมืองเวสาลีนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยนั้น และมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับกรุงสุโขทัย นครโยนก เมืองโอฆะบุรี และเมืองศรีเทพ โดยที่เมืองเหล่านี้เป็นเมืองหน้าด่านของกรุงละโว้ทั้งสิ้น ต่อมาเมืองเวสาลีตกอยู่ภายใต้ การปกครองของกรุงสุโขทัย และถูกปล่อยร้างมานานถึง 400 ปี จนถึง พ.ศ. 2199 สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์เมืองละโว้ขึ้นเป็นราชธานีอีกแห่งหนึ่งโดยให้ชื่อเมืองลพบุรี เนื่องจากพระองค์ทรงดำริเห็นว่า หัวเมืองฝ่ายเหนือยังไม่สงบลงได้ง่าย เพราะมีพม่าคอยหนุนหลัง ดังนั้นบริเวณนี้เป็นที่ราบลุ่มทำนาข้าวได้ดี เหมาะแก่การตั้งกองรักษาด่านไว้เพื่อป้องกันข้าศึกทางฝ่ายล้านนา จึงได้บูรณะเมืองเวสาลีขึ้นใหม่ ซึ่งในปี พ.ศ. 2539 ได้มีการขุดค้นพบโบราณสถานทางด้านตะวันออกของเมือง ซึ่งเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย มีทั้งอุโบสถ มณฑป วิหาร และเจดีย์สามารถเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.