ผู้สูงอายุ และประชาชนทั่วไปในจังหวัดชัยภูมิ ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ตโฟน พากันมารอคิวที่ธนาคารกรุงไทย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยลงทะเบียนโครงการ “เราชนะ” ให้ เพราะไม่อยากพลาดสิทธิรับเงินเยียวยา 3,500 บาท นาน 2 เดือน
นางสวง เบ้าจัตุรัส อายุ 54 ปี บอกว่า อาศัยอยู่ที่บ้านกับสามีเพียงแค่ 2 คน ส่วนลูกๆ ไปทำงานต่างจังหวัดกันหมด ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับสิทธิจากมาตรการของภาครัฐ ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เพราะสมัครไม่ทัน และโทรศัพท์มือถือยังเป็นรุ่นเก่า มาในครั้งนี้จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยลงทะเบียนให้ เพื่อจะได้รับเงินเยียวยา
ส่วนที่จังหวัดขอนแก่น บรรยากาศการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ “เราชนะ” ก็คึกคักไม่แพ้กัน โดยพบว่า มีประชาชนจำนวนมากลงทะเบียนกันตั้งแต่ช่วงเช้า นายวัชรินทร์ ทวีโชติ บอกว่า ส่วนตัวหวังว่าทุกคนที่ควรจะได้รับสิทธิ จะต้องได้รับสิทธิจากโครงการนี้ เพราะถือเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก ซึ่งตัวเขาเองเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” อยู่แล้ว จึงต้องรอตรวจสอบสถานะในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ขณะที่เจ้าของร้านกาแฟ บอกว่า โครงการของภาครัฐที่ออกมาในช่วงนี้ ช่วยให้เกิดการใช้จ่ายในพื้นที่เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ทำให้ประชาชนซื้อของมากขึ้น ร้านค้าก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย
ขณะที่จังหวัดนครสวรรค์ ผู้ที่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน ต่างนำหลักฐานบัตรประชาชนมาที่ธนาคารกรุงไทย เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยลงทะเบียนให้ โดย นายประสงค์ ประสาทเขตวิทย์ อาชีพรับจ้าง บอกว่า รีบออกจากบ้านซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดนครสวรรค์ ระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร เพื่อมาลงทะเบียน หลังจากที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับสิทธิใดๆ มาก่อน เพราะลงทะเบียนไม่เป็น เขาหวังว่าจะได้รับเงินจากโครงการนี้ เพื่อนำไปใช้จ่าย ซื้อของกินของใช้
นายสิงหา เหมพันธุ์พิรุฬห์ ผู้จัดการธนาคารกรุงไทยสาขานครสวรรค์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารได้เปิดบริการให้ผู้ที่มีความประสงค์จะลงทะเบียนในโครงการ “เราชนะ” ทั้งผู้ที่ไม่มีสมาร์ตโฟน และผู้ที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ ส่วนผู้ที่มีสมาร์ตโฟน แต่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน สามารถลงทะเบียนได้เองทางโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ต้องมาที่ธนาคาร