ผู้เขียน | ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย |
---|
ในปี 2547 สมชาย นีละไพจิตร ทนายความและนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนได้หายตัวไป มีผู้พบเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้ายขณะถูกชายสี่คนลากตัวออกจากรถของตนเอง เขาได้หายตัวไปจนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่อปีที่แล้ว จิระพงศ์ ธนะพัฒน์เสียชีวิตภายในสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์จากการทรมาน หลักฐานจากวีดิโอแสดงภาพขณะที่ตำรวจใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะชายคนดังกล่าว จนกระทั่งเขาหมดสติและหยุดหายใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับสมชาย นีละไพจิตร และจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้เกิดการบังคับให้สูญหายและการทรมานหลายกรณี และหลายกรณียังไม่ได้รับการคลี่คลายจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ส่วนผู้กระทำผิดก็ยังคงลอยนวลพ้นผิด
ปัจจุบันมีร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา เพื่อเอาผิดทางอาญากับการทรมานและการบังคับให้สูญหาย และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ติดตามสถานการณ์ของกฎหมายนี้อย่างใกล้ชิด
ในร่างกฎหมายฉบับนี้ระบุว่า ถ้อยคำหรือข้อมูลที่ได้มาด้วยวิธีการทรมาน การปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี หรือการบังคับให้สูญหาย จะต้องไม่ถูกรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ เว้นแต่เป็นไปเพื่อเป้าประสงค์ในการดำเนินคดีกับผู้ก่ออาชญากรรมเหล่านั้น ร่างกฎหมายนี้ยังรับรองว่า การบังคับให้สูญหายเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง หมายถึงว่าเป็นความผิดที่เริ่มตั้งแต่จุดที่เหยื่อถูกลิดรอนอิสรภาพ และต่อเนื่องไปจนกระทั่งมีการสืบทราบถึงที่อยู่ของเขา แม้ว่าจะเป็นข้อมูลที่ปรากฏขึ้นอีกหลายปีหลังจากนั้น
เป็นเรื่องน่าชมเชยที่คณะผู้จัดทำร่างกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาคประชาสังคม พรรคการเมือง และนักวิชาการ ได้ดำเนินการเพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับสมชาย นีละไพจิตร หรือจิระพงศ์ ธนะพัฒน์กลายเป็นอดีตในประเทศนี้ อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนจะยังอีกไกลกว่าที่กฎหมายนี้จะสามารถคุ้มครองบุคคลทุกคนในประเทศไทยให้พ้นจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนเหล่านี้ได้ และยังไม่ชัดเจนว่า กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการกฤษฎีกาจะยอมรับการแก้ไขเนื้อหาในเชิงบวกตามที่เสนอโดยคณะอนุกรรมการหรือไม่
อย่างน้อย ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็มีหลักประกันว่า เจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจในการควบคุมตัวบุคคล ควรบันทึกข้อมูลโดยทันทีเมื่อได้รับตัวบุคคลเข้ามายังสถานที่ควบคุมตัว กฎหมายนี้ยังควรกำหนดบทลงโทษกรณีที่เจ้าพนักงานมีความล่าช้าหรือไม่บันทึกข้อมูล บันทึกข้อมูลอย่างไม่เที่ยงตรง ปฏิเสธหรือชะลอการบันทึกข้อมูลการรับตัวบุคคลเข้ามายังสถานที่ควบคุมตัว หรือชะลอหรือขัดขวางการเยียวยาให้กับบุคคลที่ถูกควบคุมตัว เจ้าพนักงานยังควรถูกลงโทษตามกฎหมาย กรณีที่มีความล่าช้า ปฏิเสธ หรือขัดขวางที่จะให้ข้อมูล หรือมีการให้ข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับการละเมิดอิสรภาพของบุคคล
ร่างพระราชบัญญัตินี้ยังกำหนดว่า เฉพาะในพฤติการณ์ที่เป็นข้อยกเว้น และเฉพาะตามเงื่อนไขที่จำกัดอย่างยิ่ง เจ้าพนักงานหรือศาลอาจปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ถูกควบคุมตัว การกำหนดเงื่อนไขเช่นนี้อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีการปฏิเสธการเปิดเผยข้อมูลที่มีลักษณะเป็นการปฏิบัติมิชอบหรือไม่เหมาะสม
ทั้งยังมีการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อป้องกันการทรมาน การปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และการบังคับให้สูญหาย ซึ่งเดิมมีปรากฏอยู่ในกฎหมายไทยอยู่แล้ว รวมทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และปรากฏอยู่ในร่างกฎหมายนี้ด้วย หลักเกณฑ์ป้องกันเหล่านี้ครอบคลุมถึงการที่ผู้ถูกควบคุมตัวจะสามารถเข้าถึงทนายความได้โดยเร็วสุด และไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังถูกควบคุมตัว การแจ้งให้ญาติทราบถึงการจับกุมและสถานที่ควบคุมตัว จำเป็นต้องย้ำว่าหลักเกณฑ์ป้องกันในร่างพระราชบัญญัตินี้ ควรครอบคลุมมาตรการป้องกันทั้งปวง เพื่อไม่ให้เกิดการทรมาน การปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และการบังคับให้สูญหาย
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลตระหนักและกังวลว่า กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการกฤษฎีกาอาจไม่ยอมรับข้อแก้ไขตามที่เสนอโดยคณะกรรมาธิการนี้ แต่หากมีการยอมรับข้อแก้ไขและมีการเห็นชอบร่างพระราชบัญญัตินี้ โดยมีเนื้อหาสอดคล้องกับพันธกรณีของประเทศไทยตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ก็ย่อมทำให้เกิดความหวังต่อเหยื่อของการถูกทรมานและการบังคับให้สูญหายรมทั้งทั้งครอบครัวของพวกเขา เนื่องจากจะมีการตัดอายุความของคดี เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาแสวงหาความยุติธรรมได้ ทั้งยังจะให้การคุ้มครองที่สำคัญต่อบุคคลทุกคนในประเทศไทย กรณีที่มีแนวปฏิบัติอย่างชัดเจนสำหรับหน่วยงานของรัฐ ทั้งที่เป็นตำรวจ ทหาร พนักงานอัยการ หรือศาลที่จะปฏิบัติตามได้ จะส่งผลให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่มีความโปร่งใส ทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับสมชาย นีละไพจิตรและจิระพงศ์ ธนะพัฒน์กลายเป็นอดีตไป
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่