จ.อุทัยธานี มักประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลากในช่วงฤดูฝนและน้ำแล้งในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากมีแหล่งน้ำต้นทุนไม่เพียงพอ ขณะที่ประชากรราว 80% ทำอาชีพเกษตรกรรมบนพื้นที่กว่า 1.4 ล้านไร่ แต่อยู่ในเขตชลประทานแค่ 230,000 ไร่ น้ำสนับสนุนสำหรับทำการเกษตรจึงไม่เพียงพอ โดยเฉพาะฤดูแล้ง จำต้องประกาศพื้นที่ภัยแล้ง 68 ตำบล จาก 70 ตำบลทั้งจังหวัด ภาครัฐจำต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วน
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคกลาง เผยว่า ขณะนี้ได้เร่งรัดดำเนินการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งสำรวจความเดือดร้อน และเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงประสบปัญหาภัยแล้งอย่างรวดเร็วและทั่วถึง พร้อมกับให้จังหวัดอุทัยธานีเสนอแผนงานโครงการสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ให้ครอบคลุมในพื้นที่ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยใช้กลไกของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด พร้อมสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่
ขณะเดียวกัน สทนช.รับข้อเสนอในความต้องการของจังหวัดไปบูรณาการร่วมกับกรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พิจารณาจัดหาน้ำทั้งน้ำบนดินและใต้ดินร่วมกับทุกหน่วยงานและท้องถิ่นและการประปาส่วนภูมิภาค เพื่อก่อสร้างและขยายระบบประปา เพื่อการอุปโภคบริโภคโดยให้มีแหล่งเก็บน้ำสำรอง ใช้แก้ไขปัญหาในเชิงพื้นที่ในระยะเร่งด่วนและระยะยาว และเร่งบูรณาการขับเคลื่อนแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือในระยะยาวให้เป็นรูปธรรมอย่างเร็วที่สุด
ด้าน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเสริมว่า ความคืบหน้าในการพัฒนาลุ่มน้ำสะแกกรังสู่โครงการเขื่อนแม่วงก์ขณะนี้มีความก้าวหน้าเป็นลำดับ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้นจากรายได้เฉลี่ย 162,180 บาท/ ครัวเรือน/ปี เป็น 258,85บาท/ครัวเรือน/ปี เพิ่มผลผลิตข้าวจากไร่ละ 700-740 กก. เป็น 860-870 กก. ผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานน้ำได้ 11 ล้านกิโลวัตต์/ชม. คิดเป็นมูลค่าปีละ 47 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำประปาและน้ำอุปโภคบริโภคคิดเป็นมูลค่าปีละ 122 ล้านบาท และยังช่วยส่งน้ำรักษาระบบนิเวศท้ายน้ำเดือนละ 7.0 ล้าน ลบ.ม.ในช่วงหน้าแล้งอีกด้วย
ส่วนแผนบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งพื้นที่ลุ่มน้ำสะแกกรังตอนล่างระยะเร่งด่วน มีแผนงานก่อสร้างโครงการสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบการพัฒนาบึงน้ำทรง งบ ประมาณ 120 ล้านบาท เพื่อเพิ่มการระบายน้ำและส่งน้ำให้พื้นที่เกษตร 5,000-7,000 ไร่ ช่วยเหลือพื้นที่ ต.น้ำทรง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ และเติมน้ำแม่น้ำสะแกกรัง โครงการพัฒนาบึงขุมทรัพย์ งบประมาณ 200 ล้านบาท ช่วยเพื่อการอุปโภคบริโภค 200 ครัวเรือน การเกษตร 3,000 ไร่ ในพื้นที่ ต.เกาะเทโพ อ.เมือง จ.อุทัยธานี การปรับปรุงคลองหอมจันทร์ งบประมาณ 60 ล้านบาท
นอกจากนี้ กรมชลประทานยังได้วางแนว ทางการดำเนินการในระยะต่อไป โดยเตรียมเสนอแผนงานโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมการพัฒนาแม่น้ำสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ และกำแพงเพชร ให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 นี้ พร้อมเชื่อมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำและน้ำท่วมของลุ่มน้ำสะแกกรังอย่างมีประสิทธิภาพ.