วัดสำคัญแห่งนี้เป็นวัดในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 96 ไร่ โดยตัววัดนั้นสร้างเป็นรูปเรือหลวงที่มีนามว่า “ราชญาณ นาวา ฑีฆายุ มงคล” มีความหมายถึงพาหนะที่จะช่วยขนสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งสังสารวัฎ (ทะเลวน) ให้พ้นจากโอฆะสงสาร ห้วงน้ำคือกิเลส และเป็นเรือที่ตั้งอยู่บนเกาะหรือภูเขาซึ่งหมายถึงเป็นสถานที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง หรือท่วมทับแก่บุคคลที่มีปัญญาไม่ได้ ผู้มีปัญญา มีความขยัน ไม่ประมาทตามกิเลส มีความสำรวมระวังดี ก็จะอยู่บนเรือลำนี้ได้โดยปลอดภัย ทั้งนี้ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยแรกทีเดียวเป็นที่พักสงฆ์ ชื่อว่าเสนาสนะวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ครั้นต่อมาทางราชพัสดุอนุญาตให้ใช้พื้นที่สร้างวัดและตั้งวัดได้ น่าชม – เจดีย์ศรีพุทธคยาจำลองแบบจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยย่อส่วนลงให้เหมาะสมกับพื้นที่ องค์เจดีย์มีความสูง 28 เมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมทรงกรวย ส่วนยอดเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ ประดับด้วยลวดลายปูนปั้น และรอบเจดีย์มีพระพุทธรูปปางประทับยืนและประทับนั่ง ภายในองค์เจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ – มณฑปเรือนแก้ว สถาปัตยกรรมประยุกต์ไทยอินเดีย มุงและกั้นด้วยกระจกสีชาทั้งหมด เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาททั้งคู่ รวมทั้งพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง ปางสมาธิ ซึ่งเป็นพระประธานของวัด – ศาลาเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในฐานะทรงเป็นพระบิดาแห่งราชนาวีไทย – ลานพระธรรมจักร เป็นลานกว้างขนาด 7 x 7 เมตร ประดิษฐานแท่นพระธรรมจักร มีหินทรายแกะสลักเป็นรูปกวางและแท่นหิน 8 เหลี่ยม ที่แกะจากหินทรายสลักเป็นรูปมงคลต่าง ๆ – เจดีย์ศรีมหาราช ที่ภายในมี 3 ชั้น แบ่งเป็นห้องต่าง ๆ และชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ – พระภควัทบดี (พระอยู่เย็นเป็นสุข พระไม่มีหน้า) เป็นพระพุทธรูปที่มีรูปลักษณ์เหมือนพระสังกัจจายน์ ปางขัดสมาธิ บนกลีบบัว 3 ชั้น มหาราช 8 พระองค์ อันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์