- หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
- ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ กำลังจะกลับเข้าสภาอีกครั้งตลอดสัปดาห์หน้า หลังตกเป็น 2 จาก 10 รมต. ที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันอังคารนี้ส่อเค้าวุ่นวายตั้งแต่อ่านญัตติ เมื่อมือกฎหมายพรรคพลังประชารัฐขู่ประท้วง หากผู้นำฝ่ายค้านในสภาอ่านข้อความที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมเตือนให้ดูคดียุบพรรคไทยรักษาชาติเป็นอุทาหรณ์ ทว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยเห็นว่าเป็นการ “มโนไปเอง” ของ ส.ส. รัฐบาล
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 10 คน จะเริ่มต้นในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 16 ก.พ. และจะดำเนินการต่อเนื่องไป 4 วัน 4 คืน
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม คือ “เป้าหมายแรก” ที่ถูกฝ่ายค้านเปิดฉากอภิปราย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกับบีบีซีไทยว่า จะใช้เวลาราว 1 วันครึ่งเปิดซักฟอกผู้นำคนที่ 29 ล้วน แต่อาจมีลูกต่อเนื่องในวันหลัง ๆ อีก เนื่องจากรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหามีประเด็นเกี่ยวพันกับนายกฯ หลายกระทรวง
นี่ถือเป็นครั้งที่สองที่มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” หลังเคยถูกอภิปรายมาแล้วหนหนึ่งเมื่อ ก.พ. 2563 ก่อนที่ทั้งหมดจะได้รับคะแนน “ไว้วางใจ” กลางสภา
แกนนำพรรครัฐบาลประกาศพร้อมส่งลูกทีมขึ้นประท้วงทันที หากฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงเบื้องสูง พร้อมเปิดเผยชื่อทีม “องครักษ์พิทักษ์สถาบันฯ” กับบีบีซีไทยว่ามี 6 ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นตัวหลัก ประกอบด้วย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม., นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์, นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช ส่วนถ้าผู้อภิปรายเป็นสตรีก็จะใช้ ส.ส. หญิงของพรรคเป็นผู้ประท้วง
ที่มาของภาพ, Thai news pix
ในการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลครั้งนี้ มี 4 รัฐมนตรีที่ถูกยื่นซักฟอกซ้ำสอง
มีความเป็นไปได้ที่การประท้วงจะเกิดขึ้นทันทีตั้งแต่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้า พท. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา อ่านญัตติ หลังนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ออกมาระบุว่าการเขียนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากมีการพูดพาดพิงสถาบันฯ ก็จะทำหน้าที่ปกป้องส่วนนี้ให้ดีที่สุด
“หวังว่าตอนอ่านญัตติ ฝ่ายค้านจะอ่านข้ามไป เพื่อความสงบสุขของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ประธานวิปรัฐบาลกล่าว
เช่นเดียวกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้า พปชร. ที่ประกาศว่าหากผู้นำฝ่ายค้านในสภาอ่าน “ข้อความที่มีเนื้อหาต้องห้าม” เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ จะลุกขึ้นประท้วงและให้เหตุผล พร้อมย้ำว่า “การประท้วงเป็นจุดแรก แต่ถ้าท่านยังจะดำเนินการ ก็ถือว่าเป็นการกระทำอันต้องห้ามตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผมก็เป็นห่วง เพราะท่านสมพงษ์ก็เป็นหัวหน้าพรรค และเรื่องนี้เป็นมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค ดังนั้นการยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ก็เป็นอุทาหรณ์ที่ดี”
ข้อกล่าวหาและคำบรรยายพฤติการณ์ พล.อ. ประยุทธ์ รวม 21 บรรทัด ที่ปรากฏในญัตติขอเปิดภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านระบุตอนหนึ่งว่า “ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง”
เมื่อสัปดาห์ก่อน นายไพบูลย์ได้ยื่นญัตติด่วนขอให้สภาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมให้วินิจฉัยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยให้เหตุผลว่ามีเนื้อหาที่เชื่อได้ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันเบื้องสูง และขัดต่อมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ แม้ญัตติของเขาได้รับการบรรจุแล้ว แต่สภาล่างไม่สามารถพิจารณาได้ทันสมัยประชุมนี้ ซึ่งจะปิดสมัยในวันที่ 1 มี.ค.
นายไพบูลย์เป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบ ทษช. จากกรณีเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค เมื่อ 8 ก.พ. 2562 ก่อนที่ศาลจะสั่งยุบพรรค พร้อมตัดสิทธิการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี ก่อนถึงวันเลือกตั้งทั่วไป 17 วัน
อย่างไรก็ตามแกนนำ พท. ไม่วิตกกังวลว่าชะตากรรมของพวกเขาจะเดินไปในแนวทางเดียวกับแกนนำ ทษช. ซึ่งถูกมองว่าเป็นพรรคพี่-พรรคน้องกัน โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการ พท. กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ฝ่ายค้านพร้อมเดินหน้าอ่านข้อกล่าวหาตามญัตติ เพราะญัตตินี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภา พิจารณาแล้วว่าถูกต้อง ไม่ได้ขัดระเบียบข้อบังคับใด ๆ
“ท่าน (นายไพบูลย์ นิติตะวัน) คงมโนไปเองว่ามันจะเป็นอย่างนั้น มันจะเป็นอย่างนี้ จริง ๆ มันเป็นไปตามข้อบังคับทั้งหมด ถ้าไม่ถูกต้อง ประธานก็คงไม่ให้เอาเข้า” เลขาธิการ พท. กล่าว
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยกนิ้วแสดงท่า “เยี่ยม” ให้แก่ช่างภาพในระหว่างการประชุมสภา
อย่างไรก็ตามแกนนำ พท. ไม่ได้ให้รายชื่อผู้ที่จะอภิปรายกล่าวหานายกฯ ในกรณีแอบอ้างสถาบันฯ โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน บอกกับบีบีซีไทยเพียงว่า “มีราว 2 คนจากพรรคอื่น”
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าศึกซักฟอกจบ แต่จะมีประเด็นต่อเนื่องตามมาตามคำบอกใบ้ของนายไพบูลย์ว่าอาจมีการยื่นคำร้องให้ยุบพรรค นายประเสริฐตอบว่า “ไม่เคยมีการคุยประเด็นนี้ในพรรคเลย เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด”
เตรียม รมต. 38-40 ขุนพลฝีปากกล้าซักฟอก 10 รมต.
สำหรับกรอบเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามข้อตกลงระหว่างคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) คือฝ่ายค้านมีเวลาอภิปราย 42 ชม. โดยพยายามให้จบภายใน 02.00 น. ของแต่ละวัน ยกเว้นวันที่ 19 ก.พ. ที่วิปรัฐบาลเสนอให้ยุติการอภิปรายในเวลา 22.00 น. ก่อนที่ ส.ส. จะลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจในช่วงเช้าของวันที่ 20 ก.พ.
ฝ่ายค้านเตรียมขุนพลฝีปากกล้าไว้ 38-40 คนตามการเปิดเผยของนายสุทิน โดยแบ่งเป็น พท. 15 คน, พรรคก้าวไกล (ก.ก.) 13 คน และอีก 10 คนเป็นของพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ๆ
นอกจาก พล.อ. ประยุทธ์ รัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ประกอบด้วย
- 2 รมต. โควต้ากลางนายกฯ : พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
- 3 รมต. สังกัด พปชร. : , นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
- 2 รมต. สังกัดพรรคภูมิใจไทย (ภท.) : นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
- 2 รมต. สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) : นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย
ฝ่ายค้านขาด 33 เสียงโหวตคว่ำ รมต. กลางสภา
แม้ฝ่ายค้านอ้างว่ามี “หมัดเด็ด” ที่จะล้มรัฐมนตรีกลางสภา แต่เมื่อบีบีซีไทยตรวจสอบคะแนนเสียงในสภาล่าสุด พบว่า 6 พรรคฝ่ายค้าน บวก 1 ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) มีเสียงในสภารวมกันเพียง 211 เสียง ส่วนรัฐบาลผสม 20 พรรค มีเสียงในสภารวมกัน 276 เสียง
ในการลงมติ “ไม่ไว้วางใจ” ต้องอาศัยเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภา หรือ 244 เสียง จาก ส.ส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 487 คน นั่นเท่ากับว่าฝ่ายค้านยังขาดมือในสภาไปถึง 33 เสียง
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
นายสุทิน คลังแสง (ยืนกอดอก) หารือกับ ส.ส. พรรคฝ่าย ในระหว่างการประชุมรัฐสภาเมื่อ พ.ย. 2563
ปธ. วิปฝ่ายค้านหวังเปลี่ยนแปลง 3 ระดับ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคเล็กและพรรคจิ๋วได้ออกมาเปิดประเด็นว่าอาจไม่ยกมือไว้วางใจรัฐมนตรี ในจังหวะเดียวกับการปล่อยข่าวทวงเก้าอี้รัฐมนตรีหลังครบครึ่งเทอมของรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ทว่านายวิรัช ประธานวิปรัฐบาลได้ชิงสยบข่าว โดยกล่าวว่าจากการพูดคุยกับหลายคนในพรรคเล็กยังไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกว่าจะไม่โหวตให้ คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีมติแนวทางเดียวกัน
ขณะที่นายสุทิน ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้ความเห็นว่าถ้าพิจารณาจำนวนมือในสภา อย่างไรฝ่ายค้านก็ไม่ชนะ แต่ในการอภิปราย ไม่เพียงต้องล้มรัฐบาลให้ได้กลางสภาอย่างเดียว แต่ถ้าชี้ให้เห็นความบกพร่อง ไม่ชอบมาพากล หรือวิธีทำงานที่ผิดพลาด เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเขาแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
- เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน การมองปัญหาของรัฐบาล
- เปลี่ยนคณะผู้บริหารที่ฝ่ายค้านชี้ให้เห็นว่าเป็นปัญหา ถ้านายกฯ ไม่ออก ก็อาจต้องปรับเปลี่ยนตัว รมต. ที่มีปัญหา
- เปลี่ยนแปลงระดับสูงสุด “แม้ยกมือผ่าน แต่สังคมรับไม่ได้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า ‘ล้มภายนอก’ เหมือนรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา”