23 มิ.ย.64 – ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่พรรคการเมืองต่างๆ เสนอ จำนวน 13 ฉบับ เมื่อเวลา 12.55 น. นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรกว่า จากการพิจารณาทุกร่างรัฐธรรมนูญ พอสรุปได้ว่า ถ้ามีการแก้ไขระบบการเลือกตั้ง จะทำให้พรรคเล็กหายไป พรรคใหญ่จะผงาด ลดบทบาทภาคประชาชน มีอิทธิพลล่วงลูกและก้าวก่าย โดยเฉพาะเรื่องบประมาณและข้าราชการประจำ
ส่วนการปิดสวิตช์ส.ว.นั้น ตนสนับสนุนให้ตัดอำนาจส.ว.ในเรื่องนี้ แต่พรรคการเมืองที่เสนอมา ตนก็อยากใช้คำพูดว่ากินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ทำทีเรียกร้องประชาธิปไตย เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ส.ว. ส่วนการเพิ่มสิทธิเสรีภาพ และยุทธศาสตร์ชาติถือเป็นเครื่องเคียงของการเสนอกฎหมายในครั้งนี้ ถ้าจะพูดตามคำกลอนของสุนทรภู่ ตรงกับบทที่ว่า อันพริกไทยใบชีเหมือนสีกา ต้องโรยหน้าเสียหน่อยให้อร่อยใจ
“รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ในส่วนระบบเลือกตั้งต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง และเป็นเจ้าของพรรค มีส่วนร่วมในการคัดคนลงเลือกตั้ง เสียงของประชาชนมีคุณค่าไม่ทิ้งน้ำ แต่ที่เสนอแก้มานี้พรรคเล็กพรรคน้อยจะหายไป พรรคใหญ่ๆทุนหนาจะผงาด และลดบทบาทประชาชน นายทุนพรรคจะครอบงำพรรค คนมีเงินมีอำนาจจะมีบทบาท ธุรกิจการเมืองกำลังจะกลับมา”นายวันชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายวันชัยอภิปรายอยู่นั้น นายวิโรจน์ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงนายวันชัย เพราะอภิปรายเสียดสีสมาชิกรัฐสภา และเรียกร้องให้นายวันชัย ลาออกส.ว. เพราะนายวันชัยกำลังเป็นรอยด่างของระบอบประชาธิปไตย
จากนั้นนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้สังกัดพรรคก้าวไกล แต่ในทางการเมืองนายอารม ได้สนับสนุนพรรคฝ่ายรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ประท้วงว่า การแก้รัฐธรรมนูญมุ่งหมายให้ประเทศดีขึ้น ไม่ใช่ว่าคนอื่นเลวทั้งหมด อย่าเป็นผู้ใหญ่แต่อายุ แต่ต้องฝึกความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเองด้วย
ทำให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ขอให้นายวันชัยพูดตรงประเด็นในเนื้อหาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ด้านนายวันชัยยืนยันไม่ได้ว่าใคร และที่ผ่านมาเมื่อมีการพูดถึงส.ว. จะโจมตีส.ว.อย่างรุนแรง จากนั้น ได้อภิปรายต่อถึงการตัดอำนาจส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ว่า แท้จริงแล้วถ้าพิจารณาจากรัฐธรรมนูญแล้ว แบบจิตใจเป็นกลาง อำนาจที่แท้จริงในการสถาปนานายกหรือรัฐบาล คืออำนาจของประชาชนที่เลือกตั้งผ่านส.ส. ไม่เกี่ยวกับส.ว.
“ถ้าส.ส.รวมได้เกิน 250 เสียง อย่างไรเสียส.ว.ก็ต้องเลือกคนนั้นเป็นนายก ขืนเลือกคนอื่นเป็นนายกหรือรัฐบาล รัฐบาลนั้นก็อยู่ไม่ได้รวมถึงส.ว.เองก็อยู่ไม่ได้ เพราะถือว่าส.ว.โหวตสวนกระแส นายกประยุทธ์ อยู่ได้เพราะพรรคการเมือง ไม่ได้อยู่ได้เพราะส.ว. มาตรา 272 เขียนไว้ก็จริง แต่จะบอกว่าอำนาจเป็นใหญ่ตามรัฐธรรมนูญโดยแท้อยู่ที่สภาฯทั้งสิ้น จึงไม่อยากให้สมาชิกเข้าใจในประเด็นนี้ผิด มาตรา272 จะมีหรือไม่มี จึงไม่ติดใจอะไร เพราะอำนาจอยู่ที่ส.ส. มีของดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ยกเว้นแต่ว่าส.ส.จะรวมกันไม่ได้ 250 เสียงเท่านั้น ลองดูเลือกตั้งข้างหน้า หากส.ส.รวมกันได้ 250 เสียงขึ้น อย่างไรเสียพรรคการเมืองนั้นก็ได้เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว จึงเห็นว่ามาตรานี้ไม่ได้มีความหมายอะไร โดยส่วนตัวสนับสนุนให้แก้อย่างไม่ขัดคล่อง” นายวันชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทันทีที่นายวันชัยอภิปรายเสร็จสิ้น นายคารม ยังคงลุกขึ้นประท้วงว่า ขอให้ประธานกำชับ ถ้าทำตัวเป็นผู้วิเศษ ประธานต้องควบคุม ขณะที่นายวันชัย โต้ว่าไม่ทราบว่านายคารมมีอะไรเป็นพิเศษกับตนหรือไม่ และขอให้นายคารมหาพรรคอยู่ให้ได้ก็แล้วกัน
จากนั้นนายพรเพชร กล่าวว่าไม่ควรโต้ตอบกันเช่นนี้ และตัดบทเชิญสมาชิกรัฐสภารายต่อไปอภิปราย.