“สมาคมประกันวินาศภัยไทย” ร่วมกับ “ไทยคม” พัฒนาระบบเทคโนโลยีจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร Earth Observation เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในงานประกันภัยข้าวนาปี นำร่องในพื้นที่ 6 จังหวัด คือ ขอนแก่น นครราชสีมา นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ร้อยเอ็ด สุโขทัย รวม 3 ล้านไร่
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า “สมาคมประกันวินาศภัยไทย” ร่วมกับ “บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)” พัฒนาระบบเทคโนโลยีจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร Earth Observation (EO) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในงานประกันภัยข้าวนาปี นำร่องในพื้นที่ 6 จังหวัด คือ ขอนแก่น นครราชสีมา นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ร้อยเอ็ด สุโขทัย โดยได้กำหนดให้เป็นพื้นที่นวัตกรรมและข้อมูล (Sandbox Areas) รวม 3 ล้านไร่ เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมาศึกษา วิเคราะห์ และประเมินผลในการรับมือกับภัยธรรมชาติต่าง ๆ มุ่งยกระดับภาคเกษตรกรรมของไทย พร้อมส่งเสริมนโยบายภาครัฐในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประเทศ
ในฐานะที่สมาคมประกันวินาศภัยไทยเป็นผู้บริหารโครงการประกันภัยพืชผลของภาครัฐมากว่า 10 ปี สมาคมฯ ตระหนักดีว่าเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินความเสียหายนั้นมีบทบาทและความสำคัญต่อการวางแผนบริหารจัดการโครงการประกันภัยพืชผลในระยะยาวเป็นอย่างมาก ดังนั้นสมาคมฯ จึงได้ร่วมกับไทยคมให้เข้ามาช่วยดำเนินการจัดทำโปรแกรมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในโครงการประกันภัยพืชผล
โดยเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลของโครงการประกันภัยข้าวนาปี ซึ่งชุดข้อมูลที่ทางไทยคมจะทำการวิเคราะห์และให้สมาคมฯ เรียกใช้งานผ่านโปรแกรมได้ ประกอบด้วย ชุดข้อมูลการเพาะปลูกของเกษตรกรเชิงแผนที่ในรูปแบบฐานข้อมูลและข้อมูลเชิงแผนที่ ชุดข้อมูลจากดาวเทียม และ/หรือ ชุดข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลและวิเคราะห์ความเสียหายของพืช ชุดข้อมูลที่ถูกวิเคราะห์และแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ ได้แก่ ข้อมูลความถูกต้องของพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปี ข้อมูลพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ เช่น ฝนทิ้งช่วง ภัยแล้ง อุทกภัย และข้อมูลเปรียบเทียบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติระหว่างระบบวิทยาศาสตร์ และข้อมูลจากการรายงานความเสียหายตามแบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (กษ.02)
นายอานนท์ กล่าวว่า ในเฟสแรกจะเริ่มนำร่องวิเคราะห์ข้อมูลในพื้นที่ 6 จังหวัด คือ ขอนแก่น นครราชสีมา นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ร้อยเอ็ด สุโขทัย ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ นี้จะช่วยให้สมาคมฯ สามารถนำไปใช้ในการวางแผนบริหารจัดการโครงการประกันภัยพืชผลได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุม และเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถประเมินความเสี่ยงของการเพาะปลูกเพื่อให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่เกษตรกรรมนั้น ๆ อีกทั้งช่วยแก้ปัญหาการระบุความคลาดเคลื่อนของพื้นที่ประสบภัยได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว รวมถึงการประเมินความเสียหายและการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรผู้ทำประกันภัยก็จะมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย
ด้านนายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การนำเทคโนโลยีด้านดาวเทียมมาใช้ร่วมกับการประกันภัยพืชผล เพื่อช่วยยกระดับศักยภาพด้านการประกันภัย ตลอดจนการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของไทย ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไทยคม ในการจับมือกับพันธมิตรเพื่อดำเนินธุรกิจ และมุ่งพัฒนาบริการและเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่ เพื่อก้าวสู่การให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจอวกาศใหม่ (New Space Economy)
โดยความร่วมมือกับสมาคมฯ ในครั้งนี้ ไทยคมจะใช้แพลตฟอร์ม Earth Observation (EO) ในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเกษตร ร่วมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น โดรนสำรวจ (UAV), Data Analytics, Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning (ML) เพื่อจัดทำเป็นชุดข้อมูลให้แก่สมาคมฯ นำไปใช้วางแผนบริหารจัดการโครงการประกันภัยพืชผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนับเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ เพื่อช่วยส่งเสริมศักยภาพและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม
“ในเฟสแรก ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี และทดลองใช้งานจริง ในพื้นที่ที่ได้กำหนดให้เป็นพื้นที่นวัตกรรมและข้อมูล (Sandbox Areas) ในพื้นที่ 6 จังหวัด รวม 3 ล้านไร่ ได้แก่ ขอนแก่น นครราชสีมา นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ร้อยเอ็ด สุโขทัย ก่อนขยายออกสู่พื้นที่อื่น ๆ ครอบคลุมพื้นที่ประกันภัยข้าวนาปีทั่วประเทศไทย”







