ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2564 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ยังมีสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง รวม 17 จังหวัด
โดยอิทธิพลความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 21 – 24 ต.ค.64 ยังคงมีสถานการณ์ 1 จังหวัด (กาญจนบุรี)
ส่วนร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่างและประเทศเวียดนามตอนกลางประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ตั้งแต่วันที่ 17 – 19 ต.ค. 64 ยังคงมีสถานการณ์ 6 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครปฐม และสระแก้ว รวม 29 อำเภอ 117 ตำบล 566 หมู่บ้าน 15,030 ครัวเรือน
ส่วนอิทธิพลพายุ “คมปาซุ” เมื่อวันที่ 15 -17 ต.ค. 64 ยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี และปราจีนบุรี รวม 5 อำเภอ 9 ตำบล 28 หมู่บ้าน 407 ครัวเรือน
ขณะที่อิทธิพลพายุ “เตี้ยนหมู่” ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 7 ต.ค. 64 ยังคงมีสถานการณ์ 6 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี รวม 23 อำเภอ 214 ตำบล 1,048 หมู่บ้าน 67,290 ครัวเรือน สำหรับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งจากฝนตกต่อเนื่องและการระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำ ตั้งแต่วันที่ 18 – 19 ต.ค. 64 ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด อุทัยธานี รวม 4 อำเภอ 15 ตำบล 73 หมู่บ้าน 585 ครัวเรือน
ในภาพรวมสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในหลายพื้นที่ ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือประชาชนแล้ว
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 21 – 24 ต.ค.64 ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 11 จังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เลย ขอนแก่น กาญจนบุรี ราชบุรี และสุราษฎรานี รวม 27 อำเภอ 59 ตำบล 350 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,159 ครัวเรือน ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ในจังหวัดกาญจนบุรี รวม 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ่อพลอย อำเภอท่าม่วง อำเภอหนองปรือ และอำเภอท่ามะกา รวม 17 ตำบล 145 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,679 ครัวเรือน ภาพรวมระดับน้ำลดลง
ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัด ปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ตั้งแต่วันที่ 17 – 19 ต.ค. 64 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สระแก้ว ชลบุรี สมุทรปราการ นครปฐม และกาญจนบุรี รวม 46 อำเภอ 166 ตำบล 742 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,499 ครัวเรือน ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 6 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครปฐม และสระแก้ว รวม 29 อำเภอ 117 ตำบล 566 หมู่บ้าน 15,030 ครัวเรือน ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำลดลง ดังนี้
1. ชัยภูมิ น้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอคอนสาร อำเภอบ้านเขว้า อำเภอภูเขียว อำเภอเมืองชัยภูมิ และอำเภอจัตุรัส รวม 9 ตำบล 32 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 732 ครัวเรือน
2. นครราชสีมา น้ำท่วมขังในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสูง อำเภอคง อำเภอเมืองยาง อำเภอประทาย อำเภอโนนไทย อำเภอโชคชัย อำเภอพิมาย อำเภอปักธงชัย อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอจักรราช อำเภอแก้งสนามนาง และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ รวม 51 ตำบล 228 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,937 ครัวเรือน
3. บุรีรัมย์ น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนางรอง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ รวม 6 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11 ครัวเรือน
4. ศรีสะเกษ น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอขุขันธ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอปรางค์กู่ และอำเภออุทุมพรพิสัย รวม 10 ตำบล 19 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 329 ครัวเรือน
5. นครปฐม น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอ บางเลน อำเภอนครชัยศรี และอำเภอสามพราน รวม 39 ตำบล 265 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,992 ครัวเรือน
6. สระแก้ว น้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเมืองสระแก้ว รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 29 ครัวเรือน
ส่วนอิทธิพลพายุ“คมปาซุ” เมื่อวันที่ 15 -17 ต.ค. 64 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ตาก เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ลพบุรี ปราจีนบุรี และนครนายก รวม 12 อำเภอ 33 ตำบล 112 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,326 ครัวเรือน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี และปราจีนบุรี รวม 5 อำเภอ 9 ตำบล 28 หมู่บ้าน 407 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลงในทุกพื้นที่
สำหรับผลกระทบจากพายุ“เตี้ยนหมู่” เมื่อวันที่ 23 ก.ย. – 7 ต.ค. 2564 ทำให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 33 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร เลย ขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม รวม 226 อำเภอ 1,206 ตำบล 8,265 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 339,346 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 17 ราย (ลพบุรี 11 ราย เพชรบูรณ์ 2 ราย ชัยนาท 1 ราย นครสวรรค์ 3 ราย) ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 27 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 6 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี รวม 23 อำเภอ 214 ตำบล 1,048 หมู่บ้าน 67,290 ครัวเรือน ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ ดังนี้
1.มหาสารคาม น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย อำเภอกันทรวิชัย และอำเภอเมืองมหาสารคามรวม 12 ตำบล 41 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,627 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
2.สุพรรณบุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 20 ตำบล 58 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,011 ครัวเรือน
3.สิงห์บุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอพรหมบุรี รวม 10 ตำบล 46 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,149 ครัวเรือน
4.อ่างทอง ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอไชโย อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 36 ตำบล 166 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,434 ครัวเรือน
5.พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมขังในในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอมหาราช อำเภอบางปะหัน และอำเภอบางซ้าย รวม 115 ตำบล 681 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 46,749 ครัวเรือน
6.ปทุมธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 56 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,301 ครัวเรือน
ด้าน สถานการณ์อุทกภัยจากน้ำล้นตลิ่งซึ่งเกิดจากฝนตกต่อเนื่องและการระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำ ทำให้น้ำในลำน้ำล้นตลิ่งตั้งแต่วันที่ 18 – 19 ต.ค. 64 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด อุทัยธานี และฉะเชิงเทรา รวม 6 อำเภอ 19 ตำบล 100 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 603 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 2 จังหวัด (กาฬสินธุ์ ฉะเชิงเทรา) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 2 จังหวัด รวม 4 อำเภอ 15 ตำบล 73 หมู่บ้าน 585 ครัวเรือน ได้แก่ ร้อยเอ็ด พื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งเขาหลวง และอำเภอเชียงขวัญ รวม 5 ตำบล 38 หมู่บ้าน อุทัยธานี พื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลานสัก และอำเภอหนองฉาง รวม 10 ตำบล 35 หมู่บ้าน ภาพรวมสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลง
สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมสรรพกำลังในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ และดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง