เมื่อวันที่ 26 เมษายน พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.ศุภชัย ชัยสุวรรณ ผกก.1 บก.สอท.4 พ.ต.ท.นำพล ทองภูสวรรค์ รอง ผกก.1 พ.ต.ต.พงศภัคพล อันท้าว สว.(สอบสวน) กก.1 พ.ต.ต.รังสรรค์ แสงรูจี สว.กก.1ฯ, ร.ต.อ.รุ่ง รักสำรวจ รอง สว.(สอบสวน) กก.1ฯ ร.ต.อ.อำพล ทองอร่าม รอง สว.กก.1 บก.สอท.4 จับกุม น.ส.นิรภัฎ คำวงค์ทิน อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 หมู่ 11 บ้านน้ำสวย-ยางคำ ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา มีนบุรี ที่ จ.378/2565 ลงวันที่ 22 เม.ย.65 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งเป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” ได้ที่บ้านผู้ต้องหา
พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ก.พ. นางสาวอรณิช (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดนครสวรรค์ ผู้เสียหายถูกหลอกขายกระเป๋ายี่ห้อแอร์เมส โดยโอนเงินให้คนร้าย 700,000 บาทแล้วไม่ได้รับสินค้า และคนร้ายได้บล็อกช่องทางการติดต่อทั้งหมด ต่อมาผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายที่ สน.คันนายาว ก่อนพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีประสาน พ.ต.อ.ศุภชัย เพื่อให้ช่วยสนับสนุนการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด จากการสืบสวนโดยตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าคนร้ายมีการโอนเงินไปยังบัญชีม้าต่างๆ ถึง 5 แถว โดยในการโอนแต่ละครั้งใช้แอพพ์ VPN เพื่อหลอกโลเกชั่นการโอนเงินให้ติดตามไม่ได้ แต่ทาง กก.1 บก.สอท.4 สืบสวนติดตามจนทราบว่าใช้จ่ายผ่านบัญชีผู้ต้องสงสัย และมีการกดเงินออกจากตู้ ATM และอีกส่วนหนึ่งสืบสวนจากข้อมูลการใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กที่ใช้หลอกลวงผู้เสียหาย จึงนำมาวิเคราะห์พบว่าคนร้ายมีการใช้งาน VPN เพื่อปกปิด อำพรางตำแหน่งที่อยู่ที่แท้จริงอยู่เสมอ จึงพยายามตรวจสอบในรายละเอียดถึงไอพีแอดเดรสทุกไอพีที่ปรากฏในประวัติการเข้าใช้งาน
พล.ต.ต.ฐิตวัมน์กล่าวอีกว่า จากข้อมูลการเข้าใช้งานหลายร้อยไอพี พบว่ามี 3 ครั้ง ที่คนร้ายพลาด ไม่ได้เปิดใช้งาน VPN จึงสืบสวนถึงตำแหน่งการใช้งานได้จากข้อมูลไอพี สอดคล้อง กับข้อมูลเส้นทางการเงิน และข้อมูลกล้องวงจรปิด และน่าเชื่อได้ว่าคนร้ายคือ น.ส.นิรภัฎ นักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ที่อยู่ที่จังหวัดหนองคาย ทาง พงส.สน.คันนายาว เสนอศาลอาญามีนบุรีออกหมายจับ ทาง พ.ต.อ.ศุกชัยจึงนำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.สอท.4 ออกเป็น 2 ชุด เฝ้าจุด หอพักที่จังหวัดอุดรธานี และบ้านที่จังหวัดหนองคาย พบ น.ส.นิรภัฎ ผู้ต้องหาตามหมายจับอยู่บริเวณในบ้าน ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับและไม่เคยถูกจับกุมมาก่อนจึงแจ้งข้อกล่าวหา จากการตรวจค้น ยึดสิ่งของที่ใช้ในการกระทำผิดและได้มาจากการกระทำผิดหลายรายการ เช่น ซิมการ์ดโทรศัพท์กว่า 100 ซิม โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ไอแพด กระเป๋า หมวก แบรนด์เนม นาฬิกาข้อมือ บัญชีธนาคารและอื่นๆ รวม 42 รายการ
ผบก.สอท.4 กล่าวว่า ตรวจสอบรายการเดินบัญชี พบยอดเงินจากผู้เสียหายอีกมากกว่า 10 ราย ที่ถูกโกงไปแล้วมูลค่าความเสียหายมากกว่า 3 ล้านบาท และตรวจสอบพบบางส่วนที่กำลังจะถูกโกง อีกหลายสิบราย ตรวจสอบเงินในบัญชีผู้ต้องหาพบว่า เหลือ 0 บาท ทุกบัญชี และผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำหน้าที่เป็นผู้สร้างบัญชีเฟซบุ๊ก ไอจี ปลอม โพสต์ภาพสร้างตัวตนให้น่าเชื่อถือตัดต่อภาพ เอกสารใบเสร็จต่างๆ เพื่อหลอกผู้เสียหายจริงโดยอ้างว่าได้รับคำสั่งมาจากชาวจีน ชื่อ นายกล้วย ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง สัญญาติจีน เมื่อทำงานสำเร็จ จะต้องโอนเงินที่โกงได้บางส่วนไปยังบัญชีม้าที่ผู้สั่งการแจ้งส่วนที่เหลือก็เป็นส่วนต่างที่ได้รับ จึงควบคุมตัวนำส่ง พงส.สน.คันนายาว ดำเนินคดีต่อไป
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่