ดีเอสไอ บุกโกดัง แบรนด์เนมปลอม ขายผ่านเฟซบุ๊ก กว่า 2 หมื่นชิ้น มูลค่านับ 100 ล้านบาท เจอ Gucci, Chanel, Louis Vuitton เพียบ
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
วันที่ 16 ก.พ.64 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ. อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมแถลงข่าว การตรวจค้นจับจับกุม โกดังให้เช่าเก็บสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า
- ดีเอสไอ บุกค้น2จุดสำคัญสระบุรี จับสินค้าแบรนด์เนมปลอม พบเงินหมุนเวียน 300ล.
- ‘ปอศ.-ตร.น้ำ’ บุกจับร้านขายสินค้าปลอมตลาดดังหาดใหญ่ ยึดของกลางมูลค่ากว่า 2 แสนบาท
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.พเยาว์ และเจ้าหน้าที่กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปลิง และ สภ.นครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ร่วมกันตรวจค้นสถานที่เป้าหมายจำนวน 2 จุด ได้แก่ โกดังให้เช่าเก็บสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า เลขที่ 9/110 ตำบลนครสวรรค์ออก อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ และโกดังไม่ทราบเลขที่ ถนนโกษีย์ ตำบลปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บและจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดเครื่อง หมายการค้าที่จำหน่ายผ่านทางเฟซบุ๊กให้กับบุคคลทั่วไป
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นพบสินค้าจำพวกกระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ แว่นตา นาฬิกา ผ้าพันคอ ซึ่งปลอมเครื่องหมายการค้า ยี่ห้อ Fendi, Gucci, Chanel, Louis Vuitton, Rolex, YSL, Christian Dior, Coach, MCM, CELINE, Gentle Monster ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจนับของกลาง จำนวนกว่า 2 หมื่นชิ้น รวมมูลค่าความเสียหายหรือมูลค่าตามราคาท้องตลาดกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา ได้เฝ้าสืบสวนและติดตามกลุ่มบุคคล ลักลอบจำหน่ายสินค้าในลักษณะเป็นผู้ค้าส่งรายใหญ่ และได้ลักลอบนำสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า มาจากต่างประเทศผ่านด่านชายแดนทางบก และนำมาเก็บไว้ในโกดังเป้าหมาย เพื่อรอจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าปลีก ย่านสำเพ็ง และลูกค้ารายย่อย โดยมีพฤติการณ์การกระทำความผิด เป็นแหล่งค้าปลีกผ่านทางเฟซบุ๊ก
โดยเสนอจำหน่ายสินค้าปลอมคุณภาพเกรด AAA และไม่ได้คุณภาพ เพื่อหลอกลวงขายให้กับผู้สนใจ อย่างมีวิธีการที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายทำลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้อนุมัติให้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ จึงได้ทำการวางแผนทำการตรวจค้น จับกุมดังกล่าว
ทั้งนี้เนื่องจากการที่ประเทศไทย ถูกสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative – USTR) จัดอันดับประเมินสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศคู่ค้าที่สำคัญของสหรัฐฯ โดยจัดประเทศไทยไว้ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List – WL) ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา กองคดีทรัพย์สินทางปัญญาจึงได้มีนโยบายในเรื่องการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง โดยเฉพาะเขตพื้นที่สีแดง และเขตพื้นที่ที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด ต่อไป