เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่กองปราบปรามพล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบฝาสุวรรณ,, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัยรอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.ณรงค์ หาญสันเทียะ สว.กก.4บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังจับกุมนายธวัช เกษมจิตต์ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ที่ จ 25/2558 ลงวันที่ 1 เมษายน 2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” โดยจับกุมได้บริเวณร้านข้าวต้มริมถนน ซ.ขุนสวรรค์ ต.บางพุทรา อ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี
สืบเนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมากเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ว่าถูกนายธวัช หรืออ้น หลอกทำสัญญาซื้อขาย-จำนำรถ โดยนายอ้นได้ว่าจ้างให้บุคคลอื่นมาทำสัญญาซื้อขายรถ หรือรับจำนำรถโดยไม่ใช้ชื่อของตนเองในการทำธุรกรรม เมื่อได้รับรถมาจากผู้ที่รับจ้างทำสัญญาซื้อขาย หรือจำนำรถแล้วนั้น นายธวัชหรืออ้นจะนำรถที่ได้มาไปส่งขายต่อให้กับกลุ่มบุคคลในเครือข่ายของตน โดยรถที่นำไปขายนั้น จะถูกแบ่งขายออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มส่งขายออกต่างประเทศ 2. กลุ่มนำรถไปสวมซากกับรถที่มีอุบัติเหตุ 3. กลุ่มที่ชำแหละรถเพื่อขายอะไหล่ ซึ่งผู้เสียหายจะติดตามทวงรถปรากฎว่ารถได้หายไปไม่สามารถนำมาคืนได้ มีผู้เสียหายจำนวนมาก
ต่อมาชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายธวัชได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อถึงบริเวณร้านข้าวต้มริมถนน ซ.ขุนสวรรค์ ต.บางพุทรา อ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว จึงเข้าจับกุม
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าได้ก่อเหตุจริง โดยนำรถที่ได้ไปขายให้กับนายทุนในประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังตรวจสอบประวัติพบว่ามีหมายจับติดตัว11 หมาย ประกอบไปด้วยดังนี้
1. ศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ที่ จ 39/2558 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์”
2. ศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ที่ จ 102/2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง”
3. ศาลแขวงนครสวรรค์ ที่ 140/2556 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง”
4. ศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 183/2557 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“รับของโจร”
5. ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ 370/2557 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “รับของโจร”
6. ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ที่ 32/2557 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”
7. ศาลจังหวัดลพบุรี ที่ 165/2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “รับของโจรนั้นได้กระทำต่อทรัพย์ อันได้มาโดยการลักทรัพย์”
8. ศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ที่ จ 30/2561 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์”
9. ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ 69/2556 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” คดีหมายเลขดำที่ 853/2556 คดีหมายเลขแดงที่ 1474/2556
10. ศาลจังหวัดระยอง คดีหมายเลขดำที่ 4677/2554 คดีหมายเลขแดงที่ 4376/2556 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2556 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์หรือรับของโจร”
11. ศาลจังหวัดระยอง คดีหมายเลขดำที่ 5222/2554 คดีหมายเลขแดงที่ 3161/2556 ลงวันที่ 26 เมษายน 2556 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์หรือรับของโจร”
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีเทพ ภ.จว.เพชรบูรณ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป