เกาะติดสถานการณ์โควิด วันนี้ (10 ก.พ. 65) นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่าขณะนี้ทั่วโลกการระบาดติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงมาก เช่นเดียวกับสถานการณ์ในประเทศไทย ดังนั้นหากต้องการติดตามตัวเลข ขอให้สนใจผู้ป่วยปอดอักเสบ โคม่า และเสียชีวิต มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอนอาการไม่รุนแรง ค่าเฉลี่ย 7 วัน ในประเทศติดเชื้อเพิ่มขึ้น 11,450 คน จากการมีกิจกรรมร่วมกัน พบปะสังสรรค์ การฉีดเข็มกระตุ้นจะช่วยสร้างความม่านใจว่าสติดเชื้อแล้วอาการจะไม่หนัก
ทั้งนี้สถานการณ์วันที่ 13 ส.ค.64 คือวันที่ประเทศไทยเคยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 23,000 คน มีผู้ป่วยปอดอักเสบมากกว่า 5,600 คน โคม่าต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ประมาณ 1,100 คน สถานการณ์ตอนนี้ คือ 1 ใน 10 โดยมีผู้ป่วยปอดอักเสบ 563 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 114 คน จำนวนผู้ป่วยระหว่างการรักษาในช่วงที่เคยระบาดสูงสุด คือ 2 แสนคน แต่วันนี้มีผู้ป่วยระหว่างการรักษา 1 แสนคน ซึ่งเป็นเพียงครึ่งเดียวและส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ศักยภาพทางการแพทย์จึงเพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วยอาการหนัก ส่วนผู้เสียชีวิต 20 คน ได้รับวัคซีน 2 เข็ม โดยมี 1 คนได้รับบูสเตอร์โดสก่อนติดเชิ้อ 14 วัน ร่างกายอาจยังสร้างภูมิคุ้มกันไม่ทัน
จังหวัดเสี่ยงสูง จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงมีการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-10 ก.พ.65 ได้แก่ เชียงใหม่ ชัยภูมิ ขอนแก่น นครสวรรค์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ภูเก็ต นครศรีธรรมราช ราชบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง ปทุมธานี สมุทรสาคร ปราจีนบุรี นนทบุรี กทม. สมุทรปราการ และชลบุรี
นพ.จักรรัฐ กล่าวอีกว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น สูงสุดคือคนในวัยทำงาน อายุ 20-29 ปี และ 30-39 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มเด็ก 0-9 ขวบ และ 10-19 ปี ขณะที่ตัวเลขผู้เสียเป็นกลุ่มอายุ 60-70 ปี สูงกว่าเด็กเล็กมาถึง 200 เท่า ดังนั้นเมื่อพบเด็กติดเชื้อต้องเว้นระยะห่างจากผู้สูงอายุ ปู่ย่า ตายาย
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เด็กติดเชื้อเพิ่มขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ม.ค. -5 ก.พ.65) พบว่า เด็กประถมปลายหรือมัธยมต้น อายุ 10-14 ปี ติดเชื้อที่โรงเรียน 20.22 % ส่วนเด็ก 0-4 ขวบติดเชื้อจากพ่อแม่ เด็กวันรุ่นมีทั้งติดจากโรงเรรียน เพื่อน ชุมชน และผู้สัมผัสร่วมบ้าน
สถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อพุ่งเกินเส้นสีเขียว เฉลี่ยวันละ 1.5 หมื่นคน ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข แจ้งเตือนภัยระดับ 4 จึงต้องพยายามลดกิจกรรมเสี่ยงสูง สวมหน้ากากตลอดเวลาเพื่อลดความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อข้าไปในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ระบาด ขณะที่ผู้เสียชีวิตยังต่ำกว่ากราฟเส้นสีเขียว จำเป็นต้องเร่งฉีดเข็มกระตุ้น เนื่องจากผู้ที่ยังไม่ฉีดเลย มีจำนวนมาก คิดเป็น 25% ของประชากร ขอให้พาเด็กและผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีน โดย สธ.ตั้งเป้าฉีดเข็มกระตุ้นให้ครอบคลุม 70%







